วันอังคารที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2561

เพราะสิวไม่ใช่แค่เรื่องสิวสิวอีกต่อไป มาดู 10 วิธี รับมือกับปัญหาสิวกัน ตามมา!!



       เมื่อสิวเป็นปัญหาโลกแตก ที่ทุกๆคนต้องเจอะเจอ เพราะไม่ว่าคุณจะเป็นใคร สภาพผิวแบบไหน สิวก็เกิดได้ทุกที่ และต่อให้คุณจะดูแลผิวดีมากขนาดไหนก็ยังเป็นสิวอยู่ บางคนอาจเป็นเยอะ บางคนอาจเป็นน้อย หรือเป็นช่วงๆ แต่ไม่ว่าจะกำจัดยังไงก็ไม่หมดไปซะที
       แต่อย่าเพิ่งถอดใจ เรามี 10 วิธี ที่จะมาช่วยคุณรับมือกับปัญหาสิวได้ง่ายๆกัน ตามมา!!
ก่อนอื่นเราต้องมาทำความรู้จักกับสิวซักนิดหน่อยก่อน เหมือนอย่างสุภาษิตที่ว่า รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง
       สิวเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งจากตัวบุคคลเอง และ สภาพแวดล้อม โดยส่วนมากเริ่มเป็นสิวช่วงเข้าวัยหนุ่มสาว เมื่อฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลง สิวก็จะเริ่มขึ้น ความรุนแรงก็เป็นไปตามสภาพผิวของแต่ละคน และเมื่อเข้าช่วงอายุ 30 สิวก็จะค่อยๆ ลงน้อยลง และหายไปเอง แต่บางคนที่ยังมีสิวอยู่ อาจจะมีสามเหตุมาจากระบบร่างกาย ต่อมน้ำเหลืองไม่ดี และสภาพแวดล้อม มลพิษต่างๆ เพราะเมื่อใบหน้าเรา มีรูขุมขน มากกว่า 20,000 รูดด้วยกัน ก็ย่อมมีสิ่งสกปรกจะตกหล่นลงไปจนเกิด สิว ขึ้นได้เช่นกัน


ความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับสิว ที่หลายๆคนอาจยังไม่รู้
·       กินชอคโกแลตทำให้สิวขึ้น ความจริงที่ถูกคือ ชอคโกแลตไม่ได้ทำให้สิวขึ้น แต่ส่วนประกอบที่อยู่ในชอคโกแลตต่างหาก ที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดสิว เช่นพวกนม น้ำตาล เนย ที่อยู่ในขนมชอคโกแลตนี่ละต้นเหตุ ดังนั้น ใครที่อยากอร่อยกับชอคโกแลตแบบได้ประโยชน์เต็มๆ ขอแนะนำให้กิน “ดาร์กชอคโกแลต” ดีที่สุดค่ะ
·       สิวจะขึ้นเฉพาะเวลาที่สกปรกเท่านั้น เป็นความเข้าใจผิดมากๆจ้า สภาพแวดล้อมสิ่งสกปรก เป็นเพียงสิ่งกระตุ้นทำให้เกิดสิวทางหนึ่งเท่านั้น หลายๆคน ที่ดูแลรักษาความสะอาดมากๆ แต่ก็ยังมีสิวนั่นอาจเป็นเพราะฮอร์โมนผิดปกติ แพ้สารเคมี หรือน้ำเหลืองไม่ดี ก็เป็นไปได้
·       เซ็กซ์และการช่วยตัวเองทำให้เกิดสิว ซึ่งความจริงแล้ว ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่รองรับความเชื่อที่ว่าการมีเซ็กซ์และการช่วยตัวเองมีส่วนทำให้สิวเพิ่มขึ้นหรือลดลง ดังนั้นตัดประเด็นนี้ออกไปได้เลยนะจ๊ะ
·       เป็นสิวต้องไปหาหมอ จริงๆแล้วในทางการแพทย์ การจ่ายยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาสิวนั้นอาจจะเป็นทางเลือกสุดท้ายของการรักษาเลยก็ว่าได้ ถ้าหากว่าการรักษาด้วยวิธีธรรมชาติยังไม่ได้ผล และส่ออาการหนักขึ้น นั่นอาจจะเป็นเพราะสิวของคุณ มีสาเหตุมาจากฮอร์โมนที่ผิดปกติ หมอจะทำการรักษาด้วยการปรับสมดุลฮอร์โมนให้เป็นปกติ  และรักษาสิวไปตามลำดับ

10 วิธี รับมือกับปัญหาสิว ที่จะช่วยให้คุณบอกลาสิวได้ไวขึ้น
1.      “เป็นสิวอยากหายต้องใจเย็น” แต่ที่ร้ายกว่านั้น คือ สิวจะไม่มีวันหายไปจากชีวิตเราแน่นอนค่ะ และไม่มีเวทมนต์ใดที่จะเสกให้เราหน้าสวยใสกิ๊กได้ภายในวันนี้พรุ่งนี้แน่นอน คาถาเดียวเท่านั้นที่จะทำให้เราสู้กับมันได้ คือ “ความอดทน และตั้งใจ” การหมั่นดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ รักษาความสะอาดเพื่อไม่ให้สิวลุกลามไปมากกว่าเดิม โดยเฉพาะคนที่รักษาด้วยการใช้วิตามิน A เพราะขอบอกเลยว่า หลายๆคนถอดใจระหว่างทางมานักต่อนักแล้ว เพราะเจ้าวิตามิน A เนี่ย จะไปช่วยกระตุ้นให้สิวที่ซ่อนอยู่ใต้ผิวออกมา ซึ่งการรักษานี้ กินระยะเวลา เกือบ 8 สัปดาห์เลยทีเดียว ตั้งแต่กระบวนการผลักสิวออกมาจากผิว รักษาด้วยทาทำความสะอาด ทายา ขั้นตอนนี้ ขอเตือนเลยว่าอย่าได้ ไปแคะ แกะ เกา บีบ เด็ดขาดเพราะจะทำให้เกิดเป้นแผลเป็น หมดสวยหมดหล่อแน่ๆ หลังจากนั้นสิวจะค่อนๆแห้ง และหายไป อดทนกับสิว ตั้งใจดูแลเท่านั้น ที่จะได้ผลนะจ๊ะ

2.     “ปรับทัศนคติเกี่ยวกับสิว” เมื่อเป็นสิวอย่าใจร้อน และอย่าคิดว่าตัวเองผิดปกติไปจากคนอื่น ว่าทำไมคนอื่นไม่เป็น แต่ฉันเป็นล่ะ เพราะนั่นจะยิ่งเป็นการกดดันตัวเอง จนเกิดความเครียด และความเครียดนี่แหละที่ทำให้สิวยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีก ดังนั้นให้ปรับทัศนคติใหม่ เช่น การเป็นสิวเรื่องปกติมาก ใครๆก็ต้องเป็นกันทั้งนั้นรักษาดีๆ เดี๋ยวก็หายกลับมาสวยเหมือนเดิม เมื่อเราสบายใจขึ้นความเครียดลดลงสิวก็จะหายไวขึ้นอย่างแน่นอน

3.     สังเกตตัวเองให้เกิดความเคยชิน หมั่นดูว่า ตัวเองเป็นสิวช่วงไหนบ้าง เป็นมาก เป็นน้อย หรือว่าใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวตัวไหน แล้วสิวขึ้น หรือตัวไหนใช้แล้วสิวยุบลง หรือแม้กระทั่งแชมพูสระผม ครีมนวดต่างๆ ก็ควรสังเกตด้วยเช่นกัน เพราะเวลาสระผม ฟองต่างๆอาจไหลผ่านหน้าไม่รู้ตัวจึงอาจเกิดเป็นสารตกค้างทำให้เป็นสิวได้เช่นกัน หมั่นสังเกตและเฝ้าระวัง และรักษาความสะอาดอยู่เสมอ

4.     รักษาสิวก่อนรักษาผิว ในช่วงที่เป็นสิวต้องใส่ใจการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับใบหน้าเป็นพิเศษ ควรใช้หลิตภัณฑ์ที่เป็นสูตรอ่อนโยน เพราะสิวค่อนข้างบอบบาง ระคายเคืองค่อนข้างง่ายแล้วลุกลามได้ไวมาก หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันต่างๆ และครีมหรือทรีทเม้นเนื้อหนัก ให้ใช้โลชั่นสุตรเนื้อบางเบาจะดีที่สุด เพื่อให้ผิวได้หายใจ และงดการแต่งหน้าให้สิวหายเสียก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงการเจอสารเคมีมากๆ เพียงเท่านี้สิวก้จะยุบเร็วขึ้น หลักงานนั้น เมื่อสิวหาย ผิวก็จะดีขึ้นด้วย

5.     ควบคุมความมันบนใบหน้า มิตรของสิวคือศัตรูของเรา เมื่อความมันบนใบหน้าเป็นเพื่อนกับสิวส่งเสริมให้สิวเจริญเติบโตได้ดีบนหน้าของเรา เราควรจะต้องจำกัดออกไปซะ เลือกใช้ผลตภัณ์ที่ช่วยควบคุมความมัน หรือหากสังเกตแล้วพบว่าผิวเรามันมากเกินไป ควรปรึกษาแพทย์ว่าต่อมไขมันเราทำงานผิดปกติหรือไม่
6.     ดูแลรักษาความสะอาดผิวหน้าให้ถูกวิธี ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าให้เหมาะกับสภาพผิว และล้างหน้าวันละ 2-ครั้ง หากระหว่างต้องการชะล้างสิ่งสกปรกออก ให้ล้างแค่น้ำเปล่าเท่านั้น หรือ ถ้ารู้สึกหน้ามันให้ใช้กระดาษทิชชู่ กดซับเบาๆ ไม่ควรล้างหน้าบ่อยๆ เพราะหากว่าผิวแห้งเกินไป ร่างกายจะขับน้ำมันออกมาหล่อเลี้ยงผิว จะเป็นการทำให้ผิวมันยิ่งกว่าเดิม

7.     ดื่มน้ำเยอะๆ การคือส่วนสำคัญในร่างกาย เมื่อมีน้ำ ระบบและการทำงานของเซลล์ต่างๆในร่างกายจะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ แล้วน้ำยังช่วยขับของเสีย สารพิษ ไขมันส่วนเกิน ออกมาทางปัสสาวะและเหงื่ออีกด้วย

8.     พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่ร่างกายจะได้ฟื้นฟูเสื่อมภาพในส่วนที่เราใช้ไป และจะให้ดีที่สุดคือช่วง 4ทุ่ม – ตี2 ที่ร่างกายจะหลั่งโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) มากที่สุดในช่วงเวลานี้ ร้างกายจะได้ฟื้นฟูอย่างเต็มที่ อาการสิวต่างๆก็จะดีขึ้นด้วย

9.     หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด หากจำเป็นควรทาครีมกันแดด หรืออุปกรณ์ที่ช่วยบังแดดพยายามไม่ให้หน้าโดนแดดโดยตรงๆ เพราะแดดและเหงื่อจะกระตุ้นให้สิวอักเสบ และเห่อมากกว่าเดิม

10.   หยุดกิจกรรมเสี่ยงกระตุ้นการเติบโตของสิว เช่นการอบไอน้ำ ซาวน่า สตรีมผิว เพราะความร้อนจะทำให้รูขุมขนขยาย ความร้อนสูงจะกระตุ้นสิวให้อักเสบ สิวอาจเห่อโดยไม่รู้ตัว การออกกำลังกายเป็นวิธีที่ช่วยให้ผิวได้หายใจดีที่สุด เลือกได้สูบฉีดหมุนเวียน หลังออกกำลังกาย และอาบน้ำเสร็จ มาส์กเจลเย็นจะยิงช่วยให้รู้สึกสบาย และสามารถลดการอักเสบของสิวได้ด้วยนะ



Share: Line

วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2559

บอกลารอยดำจากสิว "เปลี่ยนหน้าสิว ให้พร้อมโชว์ความใส"


          ชั่วโมงนี้ใคร ๆ ก็อยากมีหน้าใส ๆ เนียน ๆ เอาไว้อวดคนรอบข้าง แต่จะทำอย่างไรดีเมื่อสิวเจ้ากรรมมักจะขึ้นมากวนใจอยู่ทุกที แถมยังทิ้งร่องรอยเอาไว้ให้ปวดใจเล่น ๆ อีกด้วย สำหรับใครที่กำลังมีปัญหานี้และหาวิธีแก้ไม่ตก วันนี้เรามีวิธีลดรอยสิวด้วยวิธีแบบธรรมชาติมาให้ลองทำกันดูค่ะ รับรองเลยว่าหน้าที่มีแต่รอยสิวจะกลายเป็นหน้าสวยใสได้ไม่ยาก แถมยังทำได้ง่ายไม่เปลืองเงิน เชื่อว่าต้องถูกใจคุณสาว ๆ อย่างแน่นอน เอ้า ! จะมีวิธีไหนบ้าง ไปดูกันเลย



 ใช้น้ำมะนาวทาหน้า
          บีบน้ำมะนาวใส่ถ้วยเล็ก ๆ นำสำลีมาชุบทาหน้าในบริเวณที่มีจุดด่างดำจากสิว โดยให้ทาก่อนนอนโดยไม่ต้องล้างออก ซึ่งในน้ำมะนาวจะมีกรด AHA ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว ทำบ่อย ๆ จะช่วยลดรอยดำจากสิวได้เป็นอย่างดี แถมยังป้องกันการเกิดสิวใหม่ได้อีกด้วย


 สครับหน้าด้วยมะขามเปียก
          คั้นน้ำมะขามเปียกผสมน้ำผึ้งลงไปเล็กน้อย เมื่อได้แล้วให้นำมาสครับผิวหน้าโดยการใช้นิ้วมือค่อย ๆ นวดวนเบา ๆ จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 5 นาทีแล้วล้างออกให้สะอาด วิธีนี้จะช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวใหม่ ทำให้รอยสิวจางลงและหน้ากระจ่างขาวใสมากขึ้น


 ลดรอยสิวด้วยหอมแดง
          นำหอมแดงไปปอกเปลือกและแช่เย็นไว้ จากนั้นให้นำออกมาหั่นเป็นแว่น ๆ ทุบสักเล็กน้อยเพื่อให้น้ำจากหัวหอมออกมา เมื่อได้แล้วให้นำมาโปะวางทิ้งไว้บนใบหน้าในบริเวณที่มีรอยสิว ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาทีแล้วเอาออก ล้างหน้าให้สะอาด สูตรนี้ทำเพียงไม่กี่อาทิตย์ก็เห็นผลแล้วค่ะ



 ทาหน้าด้วยน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น
          ในน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นจะมีกรดลอริค ซึ่งจะช่วยทำให้ผิวบนใบหน้าชุ่มชื้นและทำให้รอยสิวจางลงได้ เพียงแค่นำสำลีมาชุบน้ำมะพร้าวสกัดเย็นทาลงไปบริเวณที่มีรอยสิวก่อนนอน ทิ้งไว้โดยไม่ต้องล้างออก วิธีนี้นอกจากจะช่วยลดรอยสิวได้แล้ว ยังจะช่วยกำจัดแบคทีเรียซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิวได้อีกด้วย


 ใบบัวบกช่วยลดรอยดำและแผลเป็นจากสิว
          นำใบบัวบกไปตำให้ละเอียด จากนั้นให้นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วค่อยล้างหน้าให้สะอาด วิธีนี้จะช่วยลดรอยด่างดำจากสิวและช่วยลดแผลเป็นที่เกิดจากสิวได้เป็นอย่างดี เพราะในใบบัวบกจะมีสารไกลโคไซด์ ซึ่งจะช่วยเพิ่มคอลลาเจนให้กับผิวหน้า ทำให้ผิวหน้าขาวขึ้นและรอยสิวจางลงได้


          ได้วิธีรักษารอยดำจากสิวง่าย ๆ แบบธรรมชาติกันไปแล้ว คราวนี้คุณสาว ๆ ก็ไม่ต้องกังวลใจกันอีกต่อไป สิวมาเมื่อไรก็จัดการได้เลย รับรองหน้าสวยใสจนใคร ๆ ก็ต้องอิจฉาแน่นอน




แอดเราเป็นเพื่อน เพื่อติดตามผ่านช่องทางอื่นๆได้ที่นี่เลยค่ะ
  

สาระความรู้และความงามน่าสนใจแบบนี้ แชร์แบ่งปันให้เพื่อนรู้บ้างสิ.....แชร์เลย!!!!

Share: Line

วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2559

สิวตัวร้าย บ่อนทำลายความสวย



               ปัญหาผิวที่พบได้ในคนทุกเพศ ทุกวัย แต่จะพบมากในช่วงวัยรุ่น สิวสามารถเกิดขึ้นได้แทบทุกส่วนของร่างกาย แต่บริเวณที่ทำให้สาวๆ ทั้งหลายเสียความมั่นใจมากที่สุดคือ บริเวณใบหน้า เพราะใบหน้า   เป็นดั่งเครื่องเสริมบุคลิกภาพของเราให้เจิดจรัสได้ในสายตาผู้พบเห็น

ประเภทของสิว
เราแบ่งสิวได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ตามลักษณะของการเกิดอักเสบคือ

1.สิวไม่อักเสบ (non-inflammatory acne) บางตำราเรียก สิวอุดตัน 
               เป็นประเภทของสิวที่พบได้มากกว่า 70 %ของปัญหาสิว มักพบในวัยรุ่น และวัยหนุ่มสาว โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ลำคอ และหลัง เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่มีต่อมไขมันหรือ Sebaceous gland จำนวนมาก สิวชนิดนี้แบ่งย่อยได้อีก 2 ประเภท คือ

1.1 สิวหัวปิด หรือสิวหัวขาว (closed or white head comedones)


               เป็นตุ่มนูนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1-3 มม. จะมีสีเดียวกับผิวหนัง เนื่องจากก้อนไขมันยังไม่เปิดสู่ภายนอก ท่อเปิดของต่อมไขมันที่ตุ่มเหล่านี้แทบจะมองไม่เห็นด้วยตา 75 % ของสิวชนิดนี้จะมีโอกาสกลายเป็นสิวอักเสบต่อไป หากไม่ดูแลให้ดี

สิวหัวปิดหรือสิวหัวขาวระดับตื้น 


               อาจมองเห็นหรือไม่เห็นก้อนไขมันก็ได้ ขึ้นกับระดับความตื้นของสิว แต่ที่มองเห็นได้ชัด คือผิวจะยกตัวนูนขึ้นชัดเจน เหมือนผด แต่ข้างในผดนั้นคือ คอมีโดนสีขาวขุ่น สิวประเภทนี้พบมากบริเวณคาง ซอกจมูก ใต้ริมฝีปาก ถ้าใช้มือบีบออกมาก็จะได้ไขมันสีขาวพุ่ง หลายคนมักเรียก สิวผด / สิวเสี้ยน

 สิวหัวปิดหรือสิวหัวขาวระดับลึก 


               มองด้วยตาเปล่าเห็นรอยนูนของหัวสิวชัดเจน และมีก้อนเป็นไตแข็ง ฝังอยู่ มีโอกาสลุกลามเป็นสิวอักเสบได้สูง สิวประเภทนี้อาจพบได้ แม้จะมีรูขุมขนที่เล็กละเอียด (ผิวประเภทนี้จะมีทางเปิดระบายน้ำมันแคบ) หรือคนที่รูขุมขนกว้าง (พื้นฐานเป็นคนผิวมัน ทางออกของซีบั่มกว้าง) แต่ก็ไม่พอที่จะระบาย

1.2 สิวหัวเปิด/สิวหัวดำ (open or black head comedones )

               จะเห็นเป็นตุ่มนูนๆขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1-3 มม.เหมือนสิวหัวขาว แต่จุดเด่น คือจะพบก้อนไขมันข้างในที่ถูกผลักจนเปิดสู่ภายนอก สังเกตุได้เป็นจุดสีดำอยู่ตรงกลางซึ่งเกิดจากการขยายตัวของท่อไขมัน และมีสารสีดำๆ อุดแน่นอยู่ภายในที่ประกอบไปด้วย เคอราติน ไขมัน และเชื้อโรค P.acnes แฝงอยู่

สิวหัวเปิด หรือ สิวหัวดำ แบบที่ 1 แบบมีเม็ดแข็งอัดอยู่ ลูบแล้วสะดุด 


               มีจุดสีดำ คลำแล้วไม่เรียบ เหมือนมีก้อนแข็งๆ เล็กๆ ฝังอยู่ พบได้ประปรายทั่วผิวหน้า อาจพบได้มาก บริเวณ T-zone เช่น จมูก เหนือริมฝีปาก ใต้คางและระหว่างคิ้วบ้างเล็กน้อย ถ้ากดออกมา จะได้ก้อนไขมันแข็ง กดออกง่ายในครั้งเดียว ไม่เหลือคอมีโดนตกค้างอีก รูขุมขนจะค่อยๆเล็กลง และไม่ทิ้งรอย

สิวหัวเปิดหรือสิวหัวดำ แบบที่ 2 แบบลูบแล้วเรียบ



                มีจุดสีดำ คลำแล้วเรียบ อาจสากๆเล็กน้อย แต่ไม่ถึงกับรู้สึกว่ามีก้อนแข็งๆอุดอยู่ พบมากบริเวณจมูก ทำให้จมูกมีจุดๆ เหมือนสตรอวเบอร์รี่ เมื่อกดหรือบีบออกมามักจะได้ เส้นไขมันขาว แต่มักจะไม่ออกมาทั้งหมด จะยังคงเหลือคอมีโดนค้างข้างใน สิวแบบนี้จะไม่หายขาด บางคนเรียกว่า " สิวสตรอว์เบอร์รี่ " เกิดจากการกระจุกตัวของขนอ่อนจำนวนมากร่วมกับคอมีโดนอุดอยู่ในรูขุมขน ทำให้รูขุมขนขยายและกว้างขึ้น

2.สิวอักเสบ (Inflammatory acne)
สิวประเภทนี้มักเป็นเรื้อรัง รักษายาก และอาจเกิดแผลเป็นหรือคีลอยด์ตามมาได้ แบ่งออกได้ตามลักษณะ คือ

2.1 สิวหัวแดง Papules 

               เป็นตุ่มนูนแดงแข็งมีขนาดแตกต่างกันออกไป ร้อยละ50 ของสิวชนิดนี้เกิดจากสิวที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า (microcomedones) 25% เกิดจากสิวหัวปิด ที่เหลือ เกิดจากสิวหัวเปิด

2.2 สิวหัวหนองชนิดตื้นและลึก Pustules 

               มีได้หลายขนาด สิวหนองชนิดตื้นมักหายได้เร็วกว่าสิวชนิด papules ส่วนสิวหนองชนิดลึกจะมีอาการเจ็บร่วมด้วย และพบในผู้ที่เป็นสิวรุนแรง

2.3. สิวหัวช้าง Nodules

               สิวอักเสบแดงเป็นตุ่มนูน ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 8 มม. ขึ้นไป สิวชนิดนี้เมื่อหายไปอาจเกิดแผลเป็นตามมาได้ ถ้าดูแลไม่ดี

2.4 Cyst 

               น่ากลัวที่สุดเพราะมันสิวขนาดใหญ่เป็นถุงใต้ผิวหนัง ภายในมีหนองหรือสารเหลวๆ คล้ายเนย หายแล้วมักมีแผลเป็นหลงเหลืออยู่

แอดเราเป็นเพื่อน เพื่อติดตามผ่านช่องทางอื่นๆได้ที่นี่เลยค่ะ
   LINE ID : @chlitina-th


สาระความรู้และความงามน่าสนใจแบบนี้  แชร์แบ่งปันให้เพื่อนรู้บ้างสิ แชร์เลย!!!
Share: Line